หลายคนอาจจะส่งสัยว่า ทำไมรูปแบบและประเภทของโรงแรมในยุคปัจจุบัน ถึงมีมากมายเหลือเกิน ทั้งนี้เนื่องจากโรงแรมและที่พักจัดเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนเรื่อยมา เพื่อรอรับกลุ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ ที่เดินทางมาเที่ยวพักผ่อนกันอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เกิดรูปแบบของลักษณะและประเภทของที่พักที่มีชื่อหลากหลายออกไป
เหตุที่เกิดรูปแบบและประเภทของโรงแรมและที่พักขึ้นนั้น ตัวผู้เขียนเองก็มีความคิดเห็นว่า เอาแบบเข้าใจง่ายๆเลย ก็คือ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าให้มีตัวเลือกในการเข้าพักมากขึ้น เพราะว่ารูปแบบบ ลักษณะหรือประเภทของโรงแรมที่พักแต่ละแห่งนั้น มีความแตกต่างกันออกไป ทั้งในเรื่องสิ่งอำนวความสะดวกสบาย ขนาดของที่พัก พื้นที่ และราคาห้องพัก รวมทั้งที่สำคัญคือการบริการของที่พักเองด้วย ซึ่งนั้นเองทำให้เกิดประเภทของโรงแรมให้ลูกค้าหรือแขกได้เลือกจองก่อนเข้าไปนอนพักได้ โดยสามารถเข้าไปดูภาพและรายละเอียดที่พักก่อนจองทางออนไลน์ได้อย่างสะดวกอีกด้วย เรียกว่าสะดวกสบายมาก อีกทั้งมี OTA (หรือชื่อเต็มคือ Online travel Agecy) หมายถึง ตัวแทนเว็ปไซต์จองห้องพักผ่านระบบออนไลน์ ก็มีให้เลือกหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Agoda, Booking.com,travoloka และอื่นๆอีกมากมาย คือมีเยอะมาก
และสำหรับเพื่อนๆคุณผู้อ่านคนใหน ทั้งยังสงสัยว่าทำไมโรงแรมที่พักบางแห่ง ถึงเรียกชื่อว่า โฮสเทล บางแห่งเป็นที่พักแบบ เกสต์เฮ้าส์ บางแห่งมีชื่อเรียกว่า โมเต็ล ในวันนี้ทางเว็ปไซต์พักทั่วไทย ไปนอนที่ใหนดี เลยขอมาแบ่งปันสาระน่ารู้เกี่ยวกับ รูปแบบและประเภทของโรงแรมที่พักในยุคปัจจุบัน มาให้ได้อ่านกันดังนี้ค่ะ
1.โรงแรม (Hotel) ที่พักประเภทโรงแรม
ตัวอย่างที่พักประเภทโรงแรม(Hotel) คลิ๊กดูที่พัก>>
1.โรงแรม (Hotel) สำหรับความหมายอย่างเป็นทางการของคำว่าโรงแรม คือ สถานที่พักประกอบการในเชิงธุรกิจและพาณิชย์ เพื่อให้บริการด้านห้องพัก และการบริการอาหาร และส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางให้กับลูกค้าที่มาพัก เพื่อให้ได้รับสิ่งอำนวยและความสะดวก โดยลักษณะของโรงแรมนั้น เป็นอาคารที่มีห้องนอนหลายห้อง ติดต่อเรียงรายกันในอาคารหนึ่งหลังหรือหลายหลังๆ ซึ่งปัจจุบันความเข้าใจของแขกและลูกค้าที่มาพักโรงแรม มักจะเป็นโรงแรมที่มีห้องพักที่ตกแต่งอย่างดีและมีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายมาตรฐาน อย่างเช่นโรงแรมระดับ 3 ดาว ไปจนถึง โรงแรมระดับ 5 ดาว ซึ่งมีราคาที่แตกต่างกัน ตามขนาดของโรงแรมที่มีห้องพักและสิ่งอำนวยความสบายแตกต่างกัน เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย
2.โฮสเทล (Hostel)
ตัวอย่างที่พักประเภทโฮสเทล (Hostel) คลิ๊กดูตัวอย่าง>>
2.โฮสเทล (Hostel) คือ หนึ่งในประเภทของโรงแรม แต่เป็นโรงแรมที่พักราคาถูก ประหยัด เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าแบบนักแบกเป้ หรือที่เรียกว่า Backpacker มีสิ่งอำนวยความสะดวกตามข้อจำกัดของโรงแรมเท่าที่จำเป็น โดยลักษณะและประเภทของที่พักแบบโฮสเทล นั้นจะมีเป็นห้องพักแบบ ห้องนอนรวม และห้องน้ำรวม ลักษณะเหมือนหอพัก นักเรียนหรือนักศึกษาทีมีเตียง 2 ชั้น และนอนห้องเดียวกัน ใช้ห้องน้ำรวม ภายในห้องมีตู้ล็อกเกอร์ มีที่ที่นอน หมอน ผ้านวมให้ด้วย อีกทั้งยังมีห้องครัวใช้ร่วมกัน โดยที่พักประเภทนี้ จะราคาถูกมากๆ เน้นนอนพักชั่วคราว เหมาะกับคนที่ต้องการห้องราคาสบายกระเป๋า และไม่คิดมากเรื่องห้องพัก เน้นพักแบบง่ายๆ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
3.โมเตล (Motel)
ดูตัวอย่างที่พักประเภทโมเตล (Motel) >>
3.โมเตล (Hostel) คือ โรงแรมสำหรับคนที่ขับรถเดินทางไกล โดยคำว่า Motel มาจากคำว่า Motor และ Hotel โดยที่พักประเภทนี้ จะเป็นที่พักริมทาง มีที่จอดรถให้สะดวกสบาย เน้นการนอนพักชั่วคราว และราคาห้องพักไม่แพงมากนัก มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น
4.อินน์ (Inn)
ตัวอย่างที่พักประเภทอินน์ (Inn) คลิ๊กดูที่พัก>>
4.อินน์ (Inn) คือ หนึ่งในชื่อที่พักเก่าแก่ ที่มาก่อนคำว่าโรงแรม หรือ Hotel โดย เป็นที่พักขนาดเล็กๆไม่ใหญ่โตหรูหรามากมายเหมือนโรงแรม มีห้องพักแค่ 10-15 ห้อง อาคาร 2 ชั้น อาจะดูคล้ายกับเกสต์เฮ้าส์ แต่อาจมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากกว่า เช่นห้องพักมีโคมไฟหัวเตียง หรือ ห้องพักกว้างขวางก่าที่พักแบบเกสต์เฮ้าหรือโมเตล ส่วนราคาก็ไม่แพงมากจนเกินไป ห้องพักเรียบง่าย เหมาะกับแขกที่ต้องการนอนพักชั่วคราว ในราคาประหยัด
5.เกสต์เฮ้าส์ (Guest house)
ตัวอย่างที่พักประเภทเกสต์เฮ้าส์ (Guest house)>>
5.เกสต์เฮ้าส์ (Guest house) คือ ที่พักขนาดเล็กที่นอนพักรวมกับเจ้าของบ้าง และทางเจ้าของบ้านก็แบ่งพื้นที่บางส่วนของบ้านให้แขกได้เข้าพัก และราคาห้องพักไม่แพงมาก เน้นนอนพักชั่วคราว มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ลักษณะอาจคล้ายโฮมสเตย์ แต่เกสต์เฮ้าส์จะแตกต่างตรงที่ อาจจะเป็นทาวน์เฮ้าส์ และนำมาปรับปรุงเป็นห้องพัก ส่วนใหญ่อยู่ตามย่านท่องเที่ยว ตลาดถนนคนเดินต่างๆ ก็มักจะเห็นที่พักประเภทเกสต์เฮ้าส์อยู่มากเช่นกัน เช่น เกสต์เฮ้าส์แถวถนนข้าวสาร, เกสต์เฮ้าส์ย่านถนนท่าแพ เป็นต้น
6.บังกะโล (Bangalow)
ตัวอย่างที่พักประเภทบังกะโล (Bangalow)>>
6.บังกะโล (Bangalow) คือ ลักษระของที่พักที่เป็นกระท่อม มุงด้วงหลังคาใบจาก และโครงบ้านทำจากไม้ไผ่ ลักษณะเหมือนบ้านเป็นหลังเล็กๆ โดยจะสร้างอยู่ตามสภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ซึ่งคำว่า บังกะโล มาจากภาษาอินเดียว เรียกว่า เบงกอลลี เป็นหนึ่งในที่พักราคาถูก ประหยัด มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ซึ่งปัจจุบัน บังกะโลส่วนใหญ่ที่เรามักเห็น ก็อยู่ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ที่พักบังกะโลแถวกระบี่, ภูเก็ต, เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ตามย่านชานเมืองและใกล้ชิดกับธรรมชาติ บังกะโลบางแห่งเป็นหลังคามุงใบไม้ มีมุ้ง ที่นอน และพัดลมให้ ราคาถูก หลักร้อย เพื่อเอาใจคนมีเงินน้อย ได้พักค้างในราคาไม่แพง
7.รีสอร์ท (Resort)
ตัวอย่างที่พักประเภทรีสอร์ท (Resort)>>
7.รีสอร์ท (Resort) คือ ที่พักหนึ่งประเภทที่มีลักษณะคล้ายโรงแรม แต่ความความแตกต่างของรีสอร์ทคือ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ โดยเป็นสถานที่พักตากอากาศ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายครบครัน มีสระว่ายน้ำ มีห้องฟิสเนตสำหรับออกกำลังกาย บางแห่งมีสปา ซาวน่า แวดล้อมไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น โดยลักษณะของที่พักแบบรีสอร์ทนี้ มีมานานมาก มีมาตั้งแต่สมัยศิลปวิทยาเฟื่องฟูหรือว่ายุคเรเนซ่อง (Renaissance) โดยได้รับความนิยมการนอนพักตากอากาศตามรีสอร์ทที่เมืองบาธ ซึ่งเป็นเมืองพักตากอากาศที่มีมีรีสอร์ทให้บริการลูกค้าไปนอนพักอาบแช่น้ำแร่ ที่พักมีทัศนียภาพสวยงาม ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ และต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 20 ก็ทำให้มีที่พักประเภทลักษณะของรีสอร์ท เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวชั้นกลางไปจนถึงระดับสูงนักธุรกิจ ผู้มีฐานะร่ำรวย หรือมีกำลังทรัพย์ ต้องการมาพักผ่อนอยู่ใกล้ชิดกับป่าเขาและธรรมชาติ พร้อมอาบน้ำแร่ จิบไวน์ แบบสบายสุดๆ โดยปัจจุบัน เรามักได้ยินที่มักประเภท รีสอร์ท มักอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ ชายหาด ทะเล ภูเขา และบางครั้งก็ใช้ควบคู่กับคำว่า โรงแรมด้วย เช่น Dusit laguna Hotel & Resort เป็นต้น
8.ลอดจ์ (Lodge)
ตัวอย่างที่พักประเภทลอดจ์ (Lodge)>>
8.ลอดจ์ (Lodge) คือ เป็นหนึ่งในประเภทที่พัก ซึ่งคนไทยเราอาจจะไม่ได้ยินคำนี้มากนัก แต่ที่ต่างประเทศแถวทวีปยุโรป เช่นอังกฤษ มักมีที่พักประเภท ลอดจ์อยู่มาก โดยเป็นที่พักให้นอนพักค้างแรมระหว่างเดินทาง แต่ความพิเศษของที่พักแบบ ลอดจ์ ก็คือมีบริการอาหารและเครื่องดื่ม อีกทั้งมีสระว่ายน้ำให้ภายในที่พักด้วย แต่มีการคิดค่าเช่าใช้บริการสระว่ายน้ำเพิ่ม อีกทั้งภายในห้องพักก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าที่จำเป็น ห้องมีขนาดกะทัดรัด ไม่ใหญ่มาก มีห้องน้ำส่วนตัว ซึ่งลักษณะของที่พักประเภท ลอดจ์นี้ มักจะอยู่ใกล้สถานีรถไฟ สถานีขนส่ง หรือสนามบิน ห้องพักราคาไม่แพงมากนัก เน้นนอนพักค้างชั่วคราว
9.โฮมสเตย์ (Homestay)
ตัวอย่างที่พักประเภทโฮมสเตย์ (Homestay)>>
9.โฮมสเตย์ (Homestay) คือ ที่พักค้างแรงของเจ้าของบ้าน ได้จัดเตรียมห้องพักให้กับแขกหรือว่าลูกค้านักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสวิถีชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมกิจกรรมในชุมชนนั้นๆ พร้อมกับบริการอาหารเช้าให้กับแขกที่เข้าพัก โดยอาหารที่ทำก็เป็นอาหารพื้นบ้านซึ่งเจ้าของทำเองด้วย โดยการเข้าพักโฮมสเตย์มีลักษณะเด่นคือ การค้างแรมกับเจ้าของทำให้ได้เรียนรู้วิถีชีวิตในชุมชนนั้นๆอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างเช่น โฮมสเตย์อัมพวา, โฮมสเตย์ชุมชนประมงหมู่บ้านไร้แผ่นดินที่จันทบุรี, โฮมสเตย์ชาวเขาต่างๆในเชียงใหม่ ที่เปิดให้บริการให้นักท่องเที่ยวไปนอนพักพร้อมทานอาหารพื้นถิ่นนั้นๆ อีกทั้งราคาประหยัด ไม่แพงจนเกินไปด้วย
10.แคมป์ปิ้ง (Camping)
ตัวอย่างที่พักประเภทแคมป์ปิ้ง (Camping)>>
10.แคมป์ปิ้ง (Camping) คือ หนึ่งประเภทที่พัก โดยลักษณะไม่ได้มีอาคารสูงใหญ่โตเหมือนที่พักแบบอื่นๆ แต่เป็นพื้นที่ในลักษณะที่ต้องกางเต็นท์ โดยตัั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีลานหญ้ากว้างๆ หรือขนาดพอเหมาะสมให้กับนักท่องเที่ยวหรือลูกค้าที่ชอบไปกางเต็นท์พักใกล้ชิดธรรมชาติ และบริเวณแคมป์ปิ้งนั้นๆ ก็มีบริการห้องน้ำรวม มีไฟ หรือบางแห่งก็มีบริการเตา หรือห้องครัวให้ลูกค้าที่มาพัก สามารถทำอาหารจัดแคมป์ปิ้งทานได้ด้วย
11.เซอร์วิช อพาร์ทเม้นต์ หอพัก แฟลต แมนชั่น (Apartment)
ตัวอย่างที่พักประเภทเซอร์วิช อพาร์ทเม้นต์ หอพัก(Apartment)>>
11.เซอร์วิช อพาร์ทเม้นต์ หอพัก แฟลต แมนชั่น ( Service Apartment) คือ ที่พักอาศัยรูปแบบหนึ่ง เป็นอาคารสูง ลักษณะของห้องพักเป็นห้องชุดติดๆกัน โดยภายในห้องพักชุดนั้น ก็มีห้องแบ่งเป็นสัดส่วนต่างๆ อาทิเช่น ห้องครัว ห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ พร้อมอยู่อาศัยในระยะยาวหรือระยะสั้น อาจเปิดบริการเป็นห้องเช่ารายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือรายปี แต่ความพิเศษคือมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนโรงแรม อพาร์ทเม้นต์บางแห่ง มีสระว่ายน้ำ มีฟิสเนตออกกำลังกาย และมีแม่บ้านทำความสะอาดมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้ และมีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการตามช่วงเวลาด้วย เรียกว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเท่ากับโรงแรมเลยก็ว่าได้
12.พูลวิลล่า (Pool Villa)
ตัวอย่างที่พักประเภทพูลวิลล่า (Pool Villa )>>
12.พูลวิลล่า (Pool Villa) คืออะไร สำหรับที่พักประเภทพูลวิลล่า ก็คือ บ้านพักเป็นหลังพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว ที่มาจากรูปแบบของลักษณะวิลล่า ซึ่งเป็นบ้านพักตากอากาศส่วนตัว มีห้องครัว มีห้องนอน ห้องน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขก และมีที่จอดรถให้ ถ้าเข้าใจง่ายๆก็คือ บ้านพักส่วนตัวหนึ่งหลังให้อย่างดี พร้อมกับมีสระว่ายน้ำ แขกที่เข้าพักส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัวและกลุ่ม ไม่ต้องการแยกกันพัก สามารถนอนพักรวมกันได้ ความพิเศษ ทำอาหารปิ้งย่างทานได้สะดวกสบาย ส่วนราคาก็ค่อนข้างสูง แต่ก็คุ้มค่าสำหรับกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่มาพักได้อย่างสบาย
13.แกลมปิ้ง (Glamping)
ตัวอย่างที่พักประเภทแกลมปิ้ง (Glamping)>>
13.แกลมปิ้ง (Glamping) คือ หนึ่งในที่พักในกลุ่มแคมป์ปิ้ง แต่จะแตกต่างจากแคมปปิ้งตรงที่ แกลมปิ้งนั้น จะเป็นการผสมผสานความสะดวกสบายของโรงแรมของเข้าพัก โดยลักษณะของที่พักเป็นเต็นท์ หรือกระโจมอย่างดี มีลักษณะกว้างขวาง ภายในเต็นท์ก็มีที่นอนอย่างดี มีแอร์ และยังมีห้องน้ำในตัวให้อย่างสะดวกสบาย พร้อมตกแต่งที่พักเข้ากับธรรมชาติ อาจจะเป็นเต็นท์แบบหรูหรา มีมุมถ่ายรูปสวยๆ และราคาก็แพงกว่า ที่พักแบบแคมป์ปิ้ง ซึ่งต้องไปกางเต็นท์เอง แต่แกลมปิ้ง (Glamping) มีรากศัพท์มาจาก Glamorous Camping นั้น เป็นที่พักที่ราคาแพงกว่ามาก ลูกค้าที่มาพักไม่ต้องพกเต็นท์มากาง สามารถเข้าพักเสมือนรีสอร์ทหรือโรงแรมได้เลย แต่ข้อเสียหรือจุดอ่อนของที่พักแบบ แกลมปิ้ง Glamping นั้นก็คือ แขกที่เข้าพักต้องยอมรับในเรื่องของเต็นท์ที่พักไม่อาจเก็บเสียงได้ เหมือนกับโรงแรมมาตรฐานทั่วไป
14.คอนโดมิเนียม (Condominium)
ตัวอย่างที่พักประเภทคอนโดมิเนียม (Condominium)>>
14.คอนโดมิเนียม (Condominium) คือ ตึกหรืออาคารที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นที่พักอาศัยเป็นห้องๆ หรือเป็นชุด และสามารถแบ่งถือกรรมสิทธิ์ได้ รือความเป็นเจ้าของร่วมกับเจ้าของห้องชุดอื่น ๆ ในพื้นที่ส่วนกลางได้ ไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำ ทางเดิน ห้องโถง ห้องนั่งเล่น ลิฟท์ ที่จอดรถ และสนามเด็กเล่น โดยลักษณะของคอนโดมิเนียมที่เป็นเจ้าของห้องชุดนั้นได้ จะแตกต่างจากอพาร์ทเม้นต์ แฟลต หรือหอพัก ซึ่งลูกค้าไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ และปัจจุบันคอนโดมิเนียมก็ได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากสามารถซื้อและปล่อยเช่ารายเดือน ให้กับลูกค้าที่สนใจเข้ามาพักได้
15.ความแตกต่างระหว่างที่พักประเภท อินน์ (Inn) กับ ลอดจ์ (Lodge) หรือ โรงแรม Hotel
ดูตัวอย่างที่พักประเภทอินน์ (Inn)>>
15.อินน์ (Inn) คือ ที่พักขนาดเล็กๆ มีลักษณะคล้ายกับ Lodge แต่เป็นที่พักที่มีมานานและเก่าแก่กว่า โดยภายในบริการห้องพักจำนวนไม่มากประมาณ 10-20 ห้อง โดยการเดินทางในสมัยก่อนนั้น ก็นิยมพักค้างแรมชั่วคราวที่พักประเภท Inn ซึ่งปัจจุบันได้นำคำว่า Inn มาใช้ประกอบการชื่อที่พักเพื่อสร้างบรรยากาศการให้บริการในยุคเก่าหรือยุควันวานที่ทำให้แขกที่เข้าพักได้หวนคนึงถึงอดีตอันแสนหวาน และปัจจุบันโรงแรมที่มีการใช้ Inn ที่มีชื่อเสียงและรู้จักไปทั่วโลกก็ได้แก่ โรงแรม Holiday Inn ซึ่งแต่เดิมเป็นที่พักขนาดเล็กๆ ก่อนพัฒนามาเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ แต่ก็ยังใช้ชื่อคำว่า Inn ต่อท้าย เพื่อสร้างการจดจำให้ลูกค้าที่เข้าพัก
สรุปอีกครั้งกับประเภทของโรงแรมและลักษณะของที่พักต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน มีดังนี้
1.โรงแรม
2.โฮสเทล (Hostel)
3.โมเตล (Motel)
4.อินน์ (Inn)
5.เกสต์เฮ้าส์ (Guest house)
6.บังกะโล (Bangalow)
7.รีสอร์ท (Resort)
8.ลอดจ์ (Lodge)
9.โฮมสเตย์ (Homestay)
10.แคมป์ปิ้ง (Camping)
11.เซอร์วิช อพาร์ทเม้นต์ หอพัก แฟลต แมนชั่น ( Service Apartment)
12.พูลวิลล่า (Pool Villa)
13.แกลมปิ้ง (Glamping)
14.คอนโดมิเนียม (Condominium)
และสำหรับบทความน่ารู้เกี่ยวกับลักษณะและประเภทของโรงแรมต่างๆในยุคปัจจุบัน ที่ได้นำเสนอในบทความนี้ น่าจะมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ และบทความบล็อกที่เขียนข้างต้นนี้ เป็นการความคิดเห็นของผู้เขียนโดยตรง อาจมีข้อผิดพลาดได้ ผู้อ่านควรพิจาณาและค้นหาข้อมูลตามเว็ปไซต์ต่างๆอีกครั้งค่ะ